‘ตัวที่ขาดทุน คือ สินค้าที่เราภูมิใจมากที่สุด’ คุยไป ดมไป กับ เก่ง ธีระพงศ์ ระบือธรรม เจ้าของ ‘ยาดมหงส์ไทย’ 

แม้พื้นที่ในกระเป๋าจะเล็กแค่ไหน แต่เชื่อว่าหลายคนคงเก็บพื้นที่ประมาณสักหนึ่งถึงสองคืบเพื่อพกพา “ความสบายใจส่วนตัว” ที่ชื่อ “ยาดม” ไปด้วยในทุกๆ ที่จนกลายเป็นสิ่งของประจำตัวที่ต้องบอกตัวเองว่าห้ามลืมก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง 

ไม่ต้องสืบสาวเล่าเรื่องว่าคนไทยดมยาดมกันมาตั้งแต่ตอนไหน ก็เข้าใจได้ว่า ‘กลิ่น’ และ ‘การดมกลิ่น’ เป็นระบบการทำงานที่สำคัญที่สุดระบบหนึ่งของร่างกายสิ่งมีชีวิต เราจะรับรู้ว่ามื้ออาหารอร่อยแค่ไหนก็ต่อเมื่อได้กลิ่น สัญญาณแรกของการเตือนภัยจากเหตุไฟไหม้ก็มาจากกลิ่น 

‘กลิ่น’ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ‘มนุษย์’ 

ด้วยสมุติฐานง่ายๆ เช่นนี้ ทำให้เราไม่ลังเลที่จะติดต่อไปคุยกับ ‘เก่ง’ ธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้งบริษัทสมุนไพรไทย ‘หงส์ไทย’ เจ้าของยาดมที่มีหน้ามีตาที่สุดในยุคปัจจุบัน เชื่อเถอะว่า…ยาดมกระปุกอ้วนๆ สีเขียวสด คาดทับด้วยฉลากสีเหลือง แค่เห็นมองในระยะ 3 เมตรก็รู้ว่านี่คือ ‘ยาดมหงส์ไทย’ ที่ทำให้คนไทยและชาวต่างชาติติดใจมานักต่อนัก 

“ดมไว้ก่อน ที่เหลือค่อยว่ากัน!” 

ทะเลาะกับแฟน หรือมีปัญหากับที่บ้าน มีเรื่องร้อนใจแค่ไหน แต่ถ้าดม ‘ยาดม’ สักสองสามทีก็สุขใจได้ภายในไม่กี่นาที

เก่ง ธีระพงศ์ เจ้าของยาดม ‘หงส์ไทย’ เกริ่นไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มการบทสนทนายาวกับเรา ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าแม้ในมุมของผู้ผลิตเองก็มองว่า ‘ยาดม’ กลายเป็นไอเทมคู่ใจคนยุคปัจจุบันในขอบเขตที่กว้างขึ้น “ไม่ต้องเป็นลมก็ดมได้” 

บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2531 ถือเป็น “ยาดมสมุนไพรหมัก” เจ้าแรกในประเทศไทย ที่เริ่มขายจากพิมเสนน้ำก่อนจะพัฒนาผลิตภัณฑ์จนติดตลาดเป็นยาดมหงส์ไทย ในปัจจุบันสำนักงานหลักของหงส์ไทยตั้งอยู่ที่พุทธมณฑลสายสอง หรือรู้จักกันในนาม ‘ฝั่งธนบุรี’ ถ้าหากใครผ่านไปมาถนนเส้นนั้นแล้วมองเห็นตึก 4 คูหาเพ้นลายสีเขียวก็เป็นอันรับรู้ได้ว่านี่คือตึกหงส์ไทย และเป็นความภาคภูมิใจตลอด 16 ปีที่ก่อตั้งบริษัทมาของ เก่ง ธีระพงศ์ 

“เรื่องของกลิ่นนี้มันแปลกอย่างหนึ่ง ดมแล้วถูกมันช่วยได้ พอดมไปปุ๊บมันจะทําให้เรารู้สึกหายใจโล่งขึ้น ผ่อนคลายสบายๆ ชิลๆ ที่สําคัญอารมณ์เสีย หรือทะเลาะกับลูก ทะเลาะกับแฟน ทะเลาะกับเพื่อนที่ทํางาน หรือหงุดหงิดกับใครก็แล้วแต่ ลองสังเกตดูว่าถ้าเราสัมผัสกับกลิ่นที่ถูก มันจะทําให้อารมณ์เราเย็นลง ยิ่งดมไปๆ ลืมปัญหาไปก่อนแล้ว” 

เก่งบอกว่าปัจจุบันบริษัทหงส์ไทยมีพนักงานกว่า 400 คน และจะเพิ่มอัตราพนักงานอีกในอนาคตซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากปัจจุบันที่ไลน์การผลิตเข้าข่าย ‘ติดลบ’ ที่แปลว่ามีออเดอร์เข้ามาเยอะสวนทางกับยอดการผลิต ซึ่งไม่ใช่แต่ยอดการสั่งซื้อของยาดมในตำนานกระปุกเขียวเท่านั้น แต่ยอดสั่งซื้อสินค้าของหลายๆ ผลิตภัณฑ์ทะยานขึ้นเพราะมียอดสั่งจองขึ้นมาพร้อมๆ กันหมด

“สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวทําให้เกิดอย่างนี้เพราะว่าตัวคุณภาพ จริง ๆ แล้วการทําธุรกิจ ถ้าเราคํานึงถึงผู้บริโภค ผู้บริโภคไม่ทิ้งเราแน่ แต่ถ้าเราคํานวณแค่ผลประกอบการยอดการสั่งซื้อมันก็จะไม่ยั่งยืนอย่างในทุกวันนี้” 

เขาบอกอีกว่าจริงๆ แล้วยอดขายของหงส์ไทยดีมาตั้งแต่ก่อนกระแสลิซ่า วงแบล็คพิงค์ หรือคริส เฮมสเวิร์ธดมเสียอีกซึ่งเรื่องของยาดมเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ของกลิ่นที่ไม่มีสูตรสำเร็จในตำรา ต้องอาศัยประสบการณ์เป็นหลัก 

ภาพจาก Facebook : บริษัทสมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด -เพจสำนักงานใหญ่

“เรื่องของกลิ่นถ้าคุณจับกลิ่นถูก กลิ่นตัวนี้มันจะสร้างอานิสงส์ให้กับผู้บริโภค แบบล้านเปอร์เซ็นต์เลย และเราไม่สามารถไปหลอกผู้บริโภคเขาได้” 

“สิ่งหนึ่งที่มันจะลงตัวที่สุด คือหาค่ากลาง การหาค่ากลางของกลิ่นก็แปลว่าไม่ว่าเด็กตั้งแต่ 10 ขวบจนถึงอายุ 80 ปีดมกลิ่นนี้แล้วโอเค จะสามารถเอามาเป็นมาตรฐานการทำกลิ่นของเราได้”

ค่ากลางของกลิ่น คือหัวใจของหงส์ไทย 

สินค้าของหงส์ไทยมีหลายประเภท แต่ที่จะรู้จักอย่างแพร่หลาย และเป็นดาวเด่นที่สุดคือยาดมกระปุกสีเขียว ซึ่งยาดมกระปุกนี้เองเป็นผลผลิตที่มาจาก ‘ค่ากลิ่นกลาง’ ที่หงส์ไทยสำรวจศาสตร์ของกลิ่นจนสกัดเป็นกลิ่นที่คนไทยเห็นชอบว่าดี! 

กระบวนการหากลิ่นกลางของหงส์ไทยมีขั้นตอนง่ายๆ คือทำยาดม แล้วออกไปรับผลตอบรับจากคนใช้จริง แล้วนำมาพัฒนาปรับปรุงกลิ่น เก่งย้ำว่าผู้บริโภคเป็นอาจารย์เรา

“เวลาเราจัดโทนกลิ่นเนี่ย คุณต้องแยกโทนมันให้ออก สมมุติว่ามีกลิ่นอยู่ 40 กลิ่น เราต้องเทสต์มันทุกกลิ่น ต้องมาจับโทนกลิ่น แล้วอาจจะแยกมันออกมา กลิ่นนี้ผสมกันมันจะได้ไหม กลิ่นนี้กับโทนนี้ได้หรือเปล่า เราก็ต้องจดกลิ่นไว้ เอามารวมเป็นช็อตหนึ่ง แล้วเลือกที่ดีที่สุด”

“กระบวนการของค่ากลิ่นกลาง ตั้งแต่ทํามามีผิดเยอะ ผิดแปลว่าล้มเหลวหรือไม่ถูกต้อง หรือการตอบรับของผู้บริโภคไม่ดีพอ เวลาเราทําขายเรารู้ ขายปุ๊บลูกค้าบอกกลิ่นอะไรแปลกๆ กลิ่นอะไรมันแทงขึ้นมามันดูไม่หอมเลย กลิ่นอะไรมันแทงขึ้นมารู้สึกไม่โอเคเลย อันนี้เขาเรียกว่ากลิ่นมันไม่ลงตัว คนไม่ชอบ” 

ขายได้แล้วทําไมคุณต้องไปพัฒนามันอีก? 

เก่งบอกต่อว่ากว่าจะเป็นยาดมกระปุกเขียวในปัจจุบันกลิ่นถูกปรับเปลี่ยนมาหลายแบบ และค่อยๆ ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จากผลตอบรับของลูกค้าโดยตรง 

“ยาดมขวดเขียวในรุ่นแรกๆ โดยลูกค้าตำหนิว่ากลิ่นมันตื้อคือกลิ่นไม่หอม มันมีกลิ่นที่แทงออกมาโดดจากกลิ่นอื่น ดมแล้วเวียนหัว ดมแล้วไม่สดชื่น ขวดก็ไม่สวย”  

ยาดมกระปุกสีเขียวถูกพัฒนามามากกว่า 32 ครั้ง และกำลังจะเข้าสู่ครั้งที่ 33 ซึ่งแม้ว่ากลิ่นปัจจุบันจะติดตลาดอยู่แล้วแต่เขาก็จะพัฒนาไปอีก 

ภาพจาก Facebook : บริษัทสมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด -เพจสำนักงานใหญ่

“เรื่องของค่ากึ่งกลาง มันต้องใช้ประสบการณ์ ถามว่าบางคนก็วิจารณ์ไปแรงๆ ไม่เป็นไรครับ เรายอมรับคำวิจารณ์ทุกเรื่อง บางทีวิจารณ์ว่าให้ใส่กลิ่นนู้นกลิ่นนี้ตามสูตรโบราณ หรือให้ใส่ตัวยาคงสูตรเอาไว้ แต่ผมพยายามทดลองสิ่งใหม่ๆ ผมกำลังเปลี่ยนความคิดและความเชื่อ ให้เป็นรูปแบบใหม่ ให้เป็นปัจจุบัน ในอดีตเขาบอกว่าการทำยาดม ต้องใส่ตัวยาโน่น มาใส่เครื่องยานี้ พอดมปุ๊บมันได้เครื่องยา 100 % แต่กลิ่นมัน ‘เลี่ยน’ ไม่มีคนซื้อ เราเลยต้องวิวัฒนาการ ลดทอน สร้างค่ากลิ่นกลางที่คนดมได้ทุกวัย กลิ่นเป็นสากล แล้วคนซื้อใช้ ยอมรับในปัจจุบันไม่ต้องยึดตามอดีตก็สำเร็จได้” 

“ถามว่ามันขายได้แล้วทําไมคุณต้องไปพัฒนามันอีก การพัฒนามันก็ไม่ได้ผิดนะ ลูกค้าก็จะได้โบนัสไปว่ามันดีขึ้น กลิ่นมันหอมขึ้น กลิ่นมันแรงขึ้น เพราะเราจะไม่บอกว่าเราขายได้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ณ วันนี้ยังใช้สูตรเดิมอยู่”

เขากล่าวต่อว่าถ้าถามว่าทำไมทุกวันนี้เรายังพัฒนากลิ่นอยู่ ก็เพราะว่าเรากลัวคนอื่นตามทัน วันนี้เราพยายามที่จะพัฒนาเพื่อให้มันกลายเป็นสินค้าที่ดีที่สุด 

“ณ ปัจจุบัน เราพัฒนากลิ่นกลางมาตลอด แก้ไขความผิดพลาดมาเยอะมาก บอกได้เลยว่าหมดเงินไปกับการพัฒนากลิ่นค่อนข้างสูง เพราะว่าเราเชื่ออย่างหนึ่งว่ากลิ่นมันทําให้คนเกิดความรู้สึกดีได้ ชื่นใจ ลดการเวียนหัวหรือปวดหัว ลดการหายใจไม่ออก หรือทำให้เวียนหัวได้ มึนได้ ไม่ชอบ อาเจียน จะอ้วก คือมันทําได้ทุกอย่างเลย” 

สินค้าที่ภูมิใจที่สุด คือ สินค้าที่ขาดทุน 

ปัจจุบันสินค้าของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด มีจำนวนประมาณ 54 ชนิด โดยเสน่ห์ของหงส์ไทยอีกอย่างหนึ่งคือ ยิ่งใช้ยิ่งนานยิ่งหอม ไม่หอมให้เอาไปตากแดด คุณสมบัติแบบนี้เก่งบอกว่าบริษัทไม่ได้บอกกับคนซื้อ แต่ผู้บริโภคเป็นคนให้นิยาม ‘ยิ่งใช้ยิ่งนานยิ่งหอมไม่หอมให้เอาไปตากแดด’ ไว้เอง ซึ่งก็เป็นความตั้งใจอย่างหนึ่งที่อยากให้ลูกค้าใช้แล้วสัมผัสได้เอง 

“เราตั้งใจให้เป็นแบบนั้น เราทำธุรกิจไม่ได้ต้องการเงินในกระเป๋าลูกค้าอย่างเดียว  แต่ว่าต้องการให้เขาซื้อแล้วให้เขาได้ใช้ แล้วต้องใช้ให้คุ้ม ไม่ใช่ใช้ครั้งสองครั้ง ต้องใช้ให้คุ้มค่ากับสิ่งที่เขาต้องเสียเงินไป” 

“ถ้าไม่ทำหายไปก่อน กลิ่นก็ยังอยู่”  หลายครั้งที่เก่งเคยได้รับจากความคิดเห็นของลูกค้าในทำนองนี้ 

“เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องแปลกครับ ตอนที่ผมเดินขาย ลูกค้าบอกว่าทำยาดมแบบนี้ (แบบที่ดมมา 3-4 เดือน กลิ่นยังไม่จาง) แล้วเมื่อไรคนจะไปซื้อใหม่” เก่งหัวเราะ

จุดมุ่งหมายของการพัฒนาหงส์ไทยอีกข้อหนึ่ง เก่งมองว่าการผลิตสินค้าให้มีหลายประเภทเพื่อทําให้ตอบสนองความต้องการหรือความรู้สึกของผู้บริโภค 

“ยาดมกระปุกเรามี 3 สี ทำออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการคนหลายแบบ สีเขียวชัดสุด เป็นกลิ่นกลางมาตรฐานที่เราค้นพบสำหรับสีเหลืองจะเน้นกลิ่นเครื่องยาแรง ยอมรับว่ายาดมตัวนี้ต้นทุนสูง มันเป็นกลิ่นยาเฉพาะตัว เข้าได้กับลูกค้าบางกลุ่ม ที่ถ้าดมแล้วชอบก็ชอบเลย แต่ถ้าดมไม่ฉุนก็คือ ไม่เอาเลย ไม่ชอบไปเลย”

นอกจากนี้หงส์ไทยยังทำสเปรย์ แอลกอฮอล์ หรือผลิตภัณฑ์เครื่องหอมมาขายด้วยเช่นกัน และเมื่อถามถึงสินค้าที่ในฐานะเจ้าของเองมีความภาคภูมิใจมากที่สุดเก่งตอบว่าสินค้าที่นับเป็นตัวขาดทุน 

“สินค้าขาดทุนมาจากสินค้าของผู้บริโภคมีรายได้น้อย ในอดีตยาหม่อง ยานวดบางตัวราคามันสอดคล้องกับรายได้คนใช้ แต่ปัจจุบันค่ายาแพงขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น แต่ผลิตภัณฑ์บางตัวก็จะพยายามรักษาราคาให้คงที่ไว้เพราะเข้าใจว่าสินค้าบางตัวคนมีเงินน้อยเขาจำเป็นต้องใช้จริงๆ”

เขากล่าวต่อว่ายาดมกระปุกเขียวคือตำนานที่เป็นแหล่งรายได้ของหงส์ไทย ทำให้เราเข้มแข็ง เราเอากำไรของตัวนี้ไปพัฒนาตัวอื่น เพื่อให้มีคุณภาพ ซึ่งจากผลิตภัณฑ์ทั้ง 7 ตัว เรามีตัวที่ขาดทุนประมาณ 3 ตัว จากการใส่ตัวยาแพง ผลิตออกมาไม่ได้กําไรเลย แต่ที่ผลิตออกมาเพราะต้องการให้ตัวสินค้ามีความหลากหลาย ไม่จําเป็นที่จะต้องกําไรทุกตัว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคหลายกลุ่ม ส่งผลต่อผลประกอบการ กําไรน้อยลง แต่มันไปชดเชยกันได้ 

ภาพจาก Facebook : บริษัทสมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด -เพจสำนักงานใหญ่

“น้ำมันสเปรย์นวดเราบังคับราคาเลยว่าห้ามแพงกว่า 100 บาท แต่ตัวคุณภาพเขาทะลุราคาไปแล้ว มันเลยกลายเป็นโจทย์ว่าการรักษาความสมดุลของบริษัทให้มีสินค้าสอดคล้องกับคนหลายกลุ่มต้องทำยังไง สรุปสุดท้ายก็กลายเป็นว่าเราทำสินค้าออกมาบางตัวทำกำไร บางตัวทำขาดทุน มันเกื้อหนุนกันไป” 

“จากผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 54 ชนิด มีประมาณ 7 ชนิดที่ปล่อยให้ขาดทุน ถึงค่าครองชีพหรือค่าใช้จ่ายมันจะสูงมากกว่านี้ เพราะว่าคนมีรายได้น้อยยังเยอะครับ ไม่จําเป็นที่ว่าต้องทําธุรกิจแล้วต้องกําไรมันทุกตัว เอาเป็นโบนัสให้กับผู้บริโภคบ้าง”

“หงส์ไทยก็ไม่ได้คิดแค่ว่าอยากผลิตออกมาให้ลูกค้าใช้แค่เป็นกลุ่มๆ เป็นคนๆ เราอยากจะทําออกมาให้สินค้าของเราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ดมแล้วได้ความรู้สึกที่ดี มันก็กลายเป็นดมแล้วก็ทําให้ชีวิตเราก็มีกําลังใจขึ้น มีพลังขึ้น มีคุณค่าชีวิต มีความรู้สึกที่ดี เขาเรียกว่ามีความสุข” เก่งทิ้งท้าย