วันอาทิตย์อาจเป็นวันลูกครึ่งสำหรับใครบางคน
เพราะมีความสุขที่ได้หยุดพักผ่อน แต่ก็ต้องเศร้าที่พรุ่งนี้เช้าจะกลายเป็นวันจันทร์ วันแห่งการเริ่มต้นทำงาน
บางคนอาจยินดีที่จะได้ทำงาน แต่ก็มีอีกหลายคนที่รู้สึกว่า ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไร เปลี่ยนงานมากี่สิบที่ เรากับงานก็ไม่สามารถเดินไปด้วยกันได้ ถ้าเป็นคู่รักคงเป็นคนที่เข้ากันไม่ได้จนต้องโบกมือลากันไป แต่เราไม่สามารถบอกเลิกงานได้ ถ้ายังต้องการเงินเพื่อใช้ชีวิตบนโลกนี้

รีเบคกา บลูมวูด ตัวละครเอกจากนิยายชุด Shopaholic เขียนโดย Sophie Kinsella เรื่องราวของหญิงสาวที่รักการชอปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจ จนทำให้มีปัญหาทางการเงินตามมา ความโด่งดังของหนังสือก็ทำให้ถูกหยิบไปสร้างเป็นหนังชื่อว่า Confessions Of A Shopaholic (สามารถดูได้บน Disney+ Hotstar)
ภาพหญิงสาวในร้านขายเสื้อผ้า ต่างคนต่างหยิบสิ่งที่ต้องการมาลองสวมใส่ และพามันกลับไปด้วย โดยไม่กังวลว่าเงินในกระเป๋าจะจ่ายพอไหม เป็นภาพที่ติดอยู่ในใจรีเบคกามาตั้งแต่เด็ก และเป็นความฝันว่าเมื่อโตขึ้นเธอต้องมีชีวิตแบบนี้
แต่ความฝันนี้อาจไปถึงไม่ง่าย สถานะที่เป็นนักเขียนบทความในนิตยสาร ทำให้รีเบคกาซื้อของทุกอย่างที่อยากได้ และจ่ายมันผ่าน ‘บัตรเครดิต’ (หรือเงินอนาคต ศัพท์ที่นักการเงินชอบเรียก) เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องต่างๆ ตามมา เมื่อเธอตกงานและไม่มีเงินไปจ่ายหนี้บัตรเครดิต
รีเบคกาอาจเป็นตัวแทนของหนุ่มสาวที่มีความฝัน แต่การใช้ชีวิตในแต่ละวันก็ดูดพลังงานพวกเขาจนไม่มีแรงไปวิ่งตามความฝัน ทำให้พวกเขาต้องไขว้คว้าสิ่งที่เอื้อมถึง อย่าง ‘ความสุขตรงหน้า’ สำหรับรีเบคกามันคือช่วงเวลาที่เธอใช้ไปในร้านค้าต่างๆ ความรู้สึกตอนที่จ่ายเงินได้ของ แม้จะไม่ใช่เงินตัวเอง แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกฟินสุดๆ
“ฉันชอบการชอปปิ้ง แล้วมันผิดตรงไหนล่ะ ร้านค้าเปิดมาเพื่อให้เรามีความสุขไง”

หากตัดเรื่องที่รีเบคกาบริหารการเงินตัวเองจนเละตุ้มเป๊ะ สิ่งที่รีเบคกาทำอาจเป็นการหาความสุขให้ตัวเอง เพราะชีวิตด้านอื่นๆ ทำให้เธอมีความสุขไม่ได้
ทนทำงานที่ไม่ได้ชอบ เป็นจุดที่ทำให้ชีวิตของรีเบคกาไม่มีความสุข (หรืออาจจะรวมถึงพวกเรา) ทุกๆ วันเธอหมดไปกับการนั่งเขียนบทความแนะนำการแต่งสวนที่เธอเองไม่ได้สนใจสักนิด แต่เพื่อให้มีรายได้ไปจ่ายหนี้และยังคงได้ใช้บัตรเครดิตซื้อความสุขต่อไป ก็ทำให้รีเบคกายังทนทำสิ่งนี้ต่อ
การได้งานใหม่ในขณะที่เพิ่งตกงาน อาจเป็นความโชคดีของรีเบคกา แต่เธอก็ต้องเจอกับการเขียนสิ่งที่ไม่ได้สนใจ แค่เปลี่ยนจากเรื่องแต่งสวน เป็นให้คำแนะนำทางการเงินแทน อาจเป็นเรื่องที่ตลกที่ตัวเธอเองก็ยังจัดการปัญหาการเงินของตัวเองไม่ได้
พ่อแม่ของรีเบคก้าอาจเป็นขั้วตรงข้ามกับเธอ พวกเขาใช้ชีวิตด้วยความประหยัด เก็บหอมรอบริบเงินทุกบาททุกสตางค์ เพื่อเงินก้อนโตที่การันตีว่าชีวิตบั้นปลายของพวกเขาจะสบาย จนกระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจว่าเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต จะใช้เพื่อ ‘ความมั่นคงยามชรา’ หรือ ‘การลงทุนในสิ่งที่รัก’

สุดท้ายพวกเขาเลือกทำตามความฝันของคนเป็นพ่อด้วยการซื้อรถบ้านแล้วท่องเที่ยวไปทุกที่ที่ต้องการ
การเก็บออมเงินก้อนไว้ใช้ยามแก่ เป็นคำแนะนำแรกๆ ที่พวกเราได้รับเมื่อเริ่มทำงาน แต่ระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป จนบางทีไม่รู้ว่าเราจะไปถึงจุดที่ได้ใช้เงินนี้ไหม การเลือกซื้อความสุขที่อยู่ตรงหน้า แม้จะสั้นๆ แต่ก็เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงให้เรามีชีวิตต่อไป
สุดท้าย ไม่ว่าเราจะเก็บหรือจ่ายเงินไปเพื่อเหตุผลใด ที่แน่ๆ เราคงอยากจ่ายมันไปเพื่อความสุข ไม่ใช่เพื่อความทุกข์
แต่ถ้าหากเรายังไม่มีเงินก้อนโตที่จะทำให้ทั้งชีวิตสบายโดยไม่ต้องทำงาน ก็คงต้องอยู่ในวงจรนี้ต่อไป
เริ่มจากเตรียมตัวต้อนรับเช้าวันจันทร์อีกครั้ง