คนที่มีอำนาจรองจากคนเขียนบทก็คือ ‘คนดู’ ที่รู้ทุกเรื่อง และมีสายตาแบบพระเจ้า ที่รู้ทุกความเป็นไปในโลกนั้น
แต่จะเป็นอย่างไร ถ้าคนดูแบบเราก็มีสายตาและรับรู้ทุกอย่างเท่าตัวละครคนหนึ่งในเรื่อง…
LUNA : The Immersive Musical Experience ละครเวทีที่ใช้เทคนิค ‘Immersive ผู้ชมจะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในโลกของตัวละคร เสพเนื้อเรื่องผ่านการ ‘เลือก’ ว่าจะตามเส้นทางของตัวละครไหนเพื่อให้ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งมีเส้นทางกว่า 10 ทางให้เราเลือก เพื่อไปถึงจุดหมายปลายทางที่รออยู่

ละครเวที Luna ดัดแปลงบทมาจากวรรณกรรมเยาวชนที่ชื่อว่า ‘The Girl Who Drank the Moon’ เล่าเรื่องราวของเมืองๆ หนึ่งที่ป่าเป็นเขตต้องห้าม เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของแม่มดใจร้ายที่จะทำร้ายและกินทุกคน เพื่อความปลอดภัยของชาวเมือง เจ้าเมืองได้ทำสัญญากับแม่มดว่าไม่ให้ทำร้ายใคร หากพวกเขายอมสังเวยเด็กที่อายุน้อยที่สุดในหมู่บ้านทุกปีที่พระจันทร์เป็นสีเงิน
จุดเด่นของละครเวทีนี้ คือ การที่เราได้เลือก ตั้งแต่ก่อนเปิดม่านการแสดงที่เราต้องเลือกว่าจะรับชมละครผ่านมุมมองไหน ระหว่างทางเมืองหรือทางป่า หากใครชอบการผญจภัย ความแฟนตาซีเทพนิยายก็เลือกป่า หรือถ้าชอบการเมือง อยากรู้เรื่องราวต่างๆ มากขึ้น ก็ลองไปคุยกับชาวเมืองดู
ตัวผู้เขียนขอเลือกไปฝั่งเมือง ทันทีที่ประตูเมืองเปิดและเราก้าวเท้าเข้าไป ก็กลายเป็นชาวบ้านคนหนึ่งในเมือง ‘โพรเทคเทอเรต’ ซึ่งเราสามารถที่จะอยู่เฉยๆ ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งให้เรื่องราวจบลง หรือจะเลือกหาข้อมูลด้วยการสร้างปฎิสัมพันธ์กับเหล่าตัวละครต่างๆ ที่พร้อมดึงเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาพวกเขา

“พวกผู้ใหญ่สั่งสอนให้เราอย่าถาม
หยุดสงสัย จงเชื่อ และทำตาม
ทุกข้อห้ามเพื่อความสุขของทุกคน”
บทเพลงต้อนรับจากเหล่าชาวเมือง เพื่อย้ำเตือนกฎสำคัญของการเป็นชาวโพรเทคเทอเรต คือ ‘ห้ามถาม’ ซึ่งขัดกับธรรมชาติของมนุษย์ที่เมื่อมีสิ่งที่เรารู้สึกไม่ชอบมาพากลหรือสงสัย การถามเพื่อให้ได้คำตอบก็เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง แต่ที่นี่มันกลับเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
การฝืนธรรมชาติเช่นนี้สำหรับชาวเมือง แม้จะสงสัย แต่ด้วยความกลัวและความสงสัยนั้นไม่ได้กระทบกับชีวิตตัวเองมากนัก พวกเขาก็ก้มหน้าก้มตาใช้ชีวิต แล้วพูดคุยเรื่องพวกนี้กับคนที่สนิทเท่านั้น

แต่เมื่อไหร่ที่ความไม่ชอบมาพากลส่งผลกับชีวิตตัวเอง หรือคนใกล้ชิด ก็ถึงเวลาที่พวกเขารู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง อันเป็นที่มาของเรื่องราวทั้งหมดที่รอให้เราไปหาคำตอบ
แม้องค์ประกอบต่างๆ หรืออะไรก็ตามจะทำให้เรารู้สึกว่านี่เป็นเพียงโลกสมมติ แต่เราก็สามารถสัมผัสได้ถึงจุดเชื่อมโยงระหว่างละครเวทีแห่งนี้กับโลกที่เราอยู่ การเดินตามกรอบที่สังคมขีดไว้ อาจทำให้ชีวิตง่ายกว่าการเป็นตัวของตัวเอง
และบางทีถ้าบ้านเราจะไม่ถูกไฟไหม้ไปด้วย ก็คงไม่รู้สึกว่าการไปช่วยตักน้ำดับไฟให้บ้านคนอื่นเป็นเรื่องที่เราทำได้
หากใครสนใจสามารถรับชมละครเวที LUNA: The Immersive Musical Experience ได้ที่ศูนย์การค้า The EmQuartier โดยจะจัดการแสดงขึ้ทุกวันจนถึงวันที่ 28 มกราคม 2566