Promising young woman : เพราะเขาเป็นคนดี มันเลยเป็นแค่เรื่องผิดพลาดถ้าเขาไปข่มขืนคนอื่น

“นั่งให้มันเรียบร้อยหน่อยซิ 

“คงเป็นผู้หญิงประเภทนั้น พวกชอบเอาตัวเองไปเสี่ยง ถ้าไม่ระวังก็จะมีคนมาแตะอั๋งเอา”

เสียงของชาย 3 คนที่พูดถึง ‘คาสซานดรา’ ซึ่งกำลังเมาไม่ได้สติ นั่งอยู่ในผับคนเดียว ท่าทางของเธอที่มาจากสติกำลังหลุดลอย แต่พวกเขามองว่าเป็นการปล่อยเนื้อปล่อยตัว หรือหนึ่งในนั้นคิดว่าเธอกำลัง ‘อ่อย’ เขา ทำให้เขาตัดสินใจพาคาสซานดรากลับบ้าน เพื่อมีอะไรกับเธอ แม้ว่าเธอจะไร้สติแล้วก็ตาม

แต่นั่นเป็นแผนของคาสซานดร้าที่แกล้งเมา รอให้มีผู้ชายคนหนึ่งพาเธอกลับไปเพื่อที่จะมีอะไรกับเธอ และเธอจะให้บทเรียนพวกเขาเอง

Promising young woman กำกับโดย Emerald Fennell เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเส้นทางการแก้แค้นของตัวละครเอกอย่างคาสซานดร้า เมื่อเพื่อนสนิทถูกเพื่อนร่วมคณะข่มขืน แต่คนทำกลับลอยนวล เป็นเหตุให้ ‘นีน่า’ ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ส่วนคาสซานดรา ชีวิตของเธอก็แตกสลายไปตามนีน่า เธอลาออกจากคณะแพทย์ทั้งๆ ที่ฝันถึงมันมาตั้งแต่เด็ก ออกมาใช้ชีวิตที่พ่อแม่บอกว่า ‘เลื่อนลอย’ ไม่ว่าจะยังอาศัยอยู่ในบ้านพ่อแม่ ทำงานเป็นพนักงานในร้านกาแฟที่ไม่มีทีท่าจะก้าวหน้า ขณะที่คนอื่นๆ ในวัยเดียวกันประสบความสำเร็จทั้งหน้าที่การงาน และครอบครัว

เพราะไม่มีแรงจูงใจจะใช้ชีวิตอีกแล้ว คาสซานดราจึงเลือกทำงานที่พอมีเงินและมีเวลาหลังเลิกเงิน และใช้มันไปกับการเที่ยวผับ รอจับเหยื่อที่มาติดเบ็ดวนลูปไป จนกระทั่งเธอเริ่มกลับมาคิดถึงการจัดการคนที่ทำให้ชีวิตเธอและนีน่าต้องพัง

แม้พล็อตหลักของหนังเรื่องนี้จะเน้นนำเสนอวิธีแก้แค้นของคาสซานดร้า ที่ไม่ใช่การทำร้ายร่างกายหรือฆ่าให้ตาย แต่เธอเลือกจะให้พวกเขาได้เผชิญสิ่งเดียวกับที่นีน่าเคยเผชิญ

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับนีน่าและผู้หญิงอีกหลายคน ถูกลดทอนด้วยประโยคซ้ำๆ ที่สังคมบอกว่า เธอเหล่านี้เป็นพวกปล่อยเนื้อปล่อยตัว กินเหล้าจนเมาเอง ก็ไม่แปลกถ้าจะถูกฉวยโอกาส 

“งั้นเขาไม่ควรดื่มจนเมาเหรอ?” คำถามที่คาสซานดรามีให้กับ ‘อลิซาเบธ’ คณบดีคณะแพทย์ ที่มีหน้าที่ดูแลนักศึกษาในคณะ และเป็นคนจัดการเรื่องของนีน่า อลิซาเบธจำเรื่องของนีน่าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่กลับจำคนที่ทำร้ายนีน่าได้ เพราะตอนนี้เขาเป็นนายแพทย์ชื่อดัง

“ไม่มีใครยอมรับตอนที่ตัวเองไปแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรอก ตอนที่เราตัดสินใจผิดพลาด ทางเลือกและความผิดพลาดเหล่านั้น มันช่างอันตรายและน่าสลดใจ” คำตอบที่อลิซาเบธมีให้กับคาสซานดร้า อลิซาเบธก็เหมือนคนอื่นๆ ที่คิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะนีน่าทำตัวเอง และเธอก็ควรยอมรับผลที่ตามมามากกว่าจะมาเรียกร้องกับคนนอกอย่างเธอ

“คุณจะให้ฉันทำยังไง ทำลายชีวิตชายหนุ่มคนหนึ่งทุกครั้งที่มีการกล่าวหาแบบนี้รึ” อลิซาเบธตั้งคำถามกลับ

และเพราะเคยเจอเรื่องแบบนี้มามาก ทำให้อลิซาเบธเลือกจะวางเฉย หรือทำตัว ‘เป็นกลาง’ ตามคำที่เธอบอกคาสซานดร้า ไม่ลงโทษคนที่ข่มขืนนีน่า โดยให้เหตุผลว่าเขายังมีอนาคตไกลรออยู่ แล้วหลักฐานที่มีก็มีเพียงคำบอกเล่าของนีน่าเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอ

แต่สิ่งที่นีน่าและคนอื่นๆ ต้องการ ไม่ใช่การเชื่อคำพูดพวกเธอทันที แต่คือการรับฟังและหาทางพิสูจน์ มากกว่าจะปล่อยเบลอ แล้วบอกว่าเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้วจะให้ทำยังไง หรือโทษพฤติกรรมพวกเขาแทนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ 

คาสซานดราเลยทำให้อลิซาเบธรู้สึกแบบเดียวกัน ด้วยการจัดฉากให้ลูกสาวของเธอเผชิญสถานการณ์เดียวกันกับนีน่า ตอนนั้นเองอลิซาเบธจึงเริ่มเข้าใจสิ่งที่คาสซานดราพยายามสื่อว่า ปัญหาไม่ใช่เพราะพวกเธอเมา แต่คนอื่นต่างหากที่ไม่เคารพและพยายามฉวยโอกาส

“มันคงรู้สึกแตกต่างสินะ ถ้าเป็นคนที่คุณรัก”

ส่วนทนายความที่รับทำคดีนี้ จนทำให้คนข่มขืนนีน่ารอดพ้นไปได้ เขาบอกว่าตัวเองเพียงแต่ทำตามหน้าที่ พร้อมทั้งบอกวิธีที่พวกเขาใช้เอาชนะคดีได้ คือ การหาภาพนีน่าที่กำลังเมาในปาร์ตี้สักแห่ง เพื่อลบความน่าเชื่อถือของนีน่า และบอกว่านี่เป็นพฤติกรรมปกติของเธอ

ขณะเดียวกัน หนังก็ให้คนดูเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอีกด้าน คือ คนที่อยู่รอบๆ ตัวคนกระทำ เหล่าเพื่อนๆ ของคนที่ข่มขืนนีน่า พวกเขาพร้อมใจที่จะช่วยกันปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้น และมองว่าการข่มขืนเป็นแค่ความผิดพลาดหนึ่ง แต่เขายังมีด้านอื่นๆ ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นหมอที่ดี สามีที่ดี หรือเพื่อนที่ดี 

แต่การที่เขา ‘ดี’ กับคนอื่น ไม่ใช่เหตุผลหักล้างเรื่องที่เขาไปทำ ‘แย่’ กับคนอื่น 

สุดท้ายภาพลักษณ์ยังเป็นสิ่งที่สังคมส่วนใหญ่ให้ค่าที่สุด พวกเธอควรจะตรงตามกรอบของการเป็น Perfect Victim หรือเหยื่อในอุดมคติ เป็นหญิงสาวที่วางตัวดี รักนวลสงวนตัว แต่งตัวเรียบร้อย ไม่ไปในที่ที่อันตรายอย่างเช่นผับ ไม่กินเหล้า เป็นต้น แต่ทุกคนเป็นมนุษย์ที่มีวิถีชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าพวกเธอเหล่านี้จะเป็นอย่างไร จะเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า หรือเมาหัวราน้ำทุกวัน แต่พฤติกรรมนี้ไม่ใช่ข้ออ้างที่ให้คนอื่นๆ มาทำร้ายพวกเธอ