Reborn Rich : “ผมทำอะไรผิดมากมายเหรอ” พ่อไม่ได้ผิด แต่สังคมบอกให้พ่อต้องเป็นเสาหลักครอบครัวที่มั่นคง

ไม่ขัดคำสั่ง ไม่ตั้งคำถาม และไม่ตัดสินอะไรเอาเอง

ด้วยกฎ 3 ข้อในการทำงาน ทำให้ ‘อีฮยอนอู’ มือขวาคนสำคัญของ ‘ซุนยัง’ ธุรกิจแชโบลหรือธุรกิจที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในเกาหลีใต้ของปี 2022 

ไม่ว่าใครจะไปซ่อนตัวที่ไหน ทำผิดร้ายแรงแค่ไหน หรือทุจริตเงินไปเท่าไหร่ ฮยอนอูไม่เคยสงสัยหรือตั้งคำถามเลยสักครั้ง

เหตุผลที่แท้จริงที่ฮยอนอูไม่ตั้งคำถาม เพราะวันนี้เขาคือเสาหลักครอบครัวที่ต้องดูแลพ่อและน้องชาย เขาจึงทำทุกอย่าง ตั้งแต่ตามตัวหลานชายคนโตไปจนถึงติดตั้งฝาชักโครกอันใหม่ให้กับเจ้านายของเขา

“การได้รับใช้คนที่ตำแหน่งสูงสุด ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่แกก็ต้องมีครอบครัวของตัวเองนะ” พ่อบอกกับฮยอนอูเพราะเขาไม่อยากให้ลูกต้องทำงานหนัก จะได้มีชีวิตของตัวเอง

แต่ดูเหมือนฮยอนอูจะเข้าใจผิดไป เขาเชื่อมาตลอดว่า พ่อที่ตกงานไม่ยอมทำอะไรในอดีตเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ต้องตาย 

แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกอีกครั้ง เมื่อฮยอนอูกลายเป็นคนเปิดเผยเอกสารการทุจริตของซุนยังจนถูกผู้ช่วยคนใหม่หักหลังจนตายแล้วเกิดใหม่เป็น ‘จินโดจุน’หลานชายคนเล็กของจินยางชอล ผู้ก่อตั้งซุนยังเพื่อตามหาคนที่ฆ่าตัวเอง

นั่นอาจทำให้จินโดจุนในวัยสิบกว่าๆ ไม่ต่างจากหมอทำนายอนาคตและดูโตกว่าอายุมากๆ เขาสามารถต่อรองและแนะนำเรื่องการลงทุนให้คุณปู่จนกลายเป็นหลายชายคนโปรด

แม้จะเกิดเป็นลูกนักธุรกิจ แต่โดจุนก็ยังไปหาแม่ที่เป็นเจ้าของร้านข้าวต้มอยู่บ่อยๆ รวมถึงนำเงินที่ตัวเองมีทั้งหมดลงทุนกับบริษัทของคู่แข่งเพื่อปกป้องครอบครัวที่เขารัก

จนวันหนึ่ง ‘อาจินยานยนต์’บริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเกาหลีถูกพิษเศรษฐกิจและกำลังจะล้มละลาย ทำให้พ่อที่เป็นพนักงานมา 30 ปีอาจจะต้องตกงาน โดยไม่มีสิทธิโต้แย้ง เพราะเขาก็แค่พนักงานคนหนึ่ง พ่อจึงไม่ยอมแพ้เข้าร่วมประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิที่เขาควรจะได้คืนมา

พ่อเพิ่งกลับมาจากการเรียกร้อง ถือดอกไม้มาให้แม่ ส่วนฮยอนอูในร่างโดจุนกำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่

พอแม่เห็นเสื้อที่พ่อใส่ก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “ยังไม่ถอดใจอีกหรอ ไม่ได้เงินตั้งกี่ชาติแล้ว ใส่เสื้อกั๊กสหภาพไปแล้วจะได้เงินเดือนเหรอ คิดว่าไปร้องเพลงโบกไม้โบกมือ แล้วมันจะจ่ายค่าเทอมฮยอนอูได้เหรอ”

เพราะลึกๆ แล้ว แม่อยากให้พ่อไม่ติดกับอยู่อดีต แต่ต้องเดินหน้าต่อเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ไม่ต้องรอความหวังล้มๆ แล้งๆ จากบริษัทเก่า

“เดี๋ยวบริษัทเราก็ดีขึ้น ถ้าอาจินยานยนต์ล้มเกาหลีก็ล้มสลายแล้ว” พ่อตอบด้วยความหวังว่าเขาจะไม่ตกงาน

แต่แม่บอกพ่อด้วยความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในภาวะเศรษฐกิจเกาหลีปี 1998 เกาหลีเองก็กำลังล่มสลายและต้องใช้เวลาอีกนานกว่าทุกอย่างจะกลับสู่สภาพเดิมก่อนที่แม่จะเดินหันหลังกลับเข้าร้าน

“ผมทำอะไรผิดมากมายเหรอ” พ่อถามทั้งน้ำตา ขณะที่แม่หันมามอง แต่ไม่พูดอะไร

“หลังเรียนจบตอนอายุ 18 และได้งานทำที่อาจินมาตลอด 30 ปี ผมพยายามหนักแทบตาย คุณรู้ดีที่สุดนี่ ผมเป็นช่างเทคนิคเคลือบโลหะ วิศวกรซ่อมบำรุง และวิศวกรไฟฟ้า ผมเป็นช่างเทคนิคที่ได้รับการรับรองจากอาจินนะ แล้วผมทำอะไรผิดนักหนา ถึงได้กลายเป็นไอ้โง่ที่ไม่มีปัญญาซื้อดอกไม้ ให้ภรรยาต้องใช้ชีวิตลำบาก ทั้งต้องเปิดร้านอาหาร ต้องเลี้ยงลูก ผมผิดตรงไหนหรอ” พ่อพูดความในใจออกมาเป็นครั้งแรก

เกือบครึ่งชีวิตที่พ่อของฮยอนอูทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และเวลาเพื่อเป็นเสาหลักที่มั่นคงให้ครอบครัว รวมถึงทำหน้าที่พ่อของตัวเองให้ดีที่สุด

ประโยคของพ่อทำให้ฮยอนอูเข้าใจแล้วว่า ทำไมตอนนั้นพ่อถึงอยากให้เขามีครอบครัวในวันที่เขามีงานที่มั่นคง เพราะสำหรับพ่อ ครอบครัวคือที่พักพิง ความสุข และความรักที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน

พ่อฮยอนอูไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก แต่เขาต้องทำงานหนัก หาเงินเลี้ยงครอบครัว เพราะอยากให้ครอบครัวมีความสุขเท่านั้นเอง