The Lion King “อย่ากังวลเลย” แม้เราจะต่างเผ่าพันธุ์ แต่ก็เป็นครอบครัวเดียวกันได้

บทความนี้มีเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนจากภาพยนตร์

“ไปซะ ซิมบ้า หนีไปให้ไกลแล้วอย่ากลับมาอีก”

สิ้นประโยคที่อา ‘สการ์’ บอก ‘ซิมบ้า’ ก็ตั้งหน้าตั้งตาออกตัววิ่ง เพื่อหนีจากความผิดที่อาบอกว่า เขาทำให้พ่อตกหน้าผาตาย 

ขณะที่วิ่งน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม 2 ข้างของซิมบ้า พร้อมกับความรู้สึกผิดที่เกาะติดหนึบเป็นเพื่อนร่วมทาง การวิ่งไปเรื่อยๆ ไร้จุดหมายปลายทางก็ทำให้ซิมบ้าที่ยังเป็นลูกสิงโตอ่อนแรง สลบไปด้วยความเหนื่อยล้า

และเป็น ‘ทีโมน’ และ ‘พุมบ้า’ 2 เพื่อนซี้เมียร์แคท – หมูป่า ที่เดินมาเจอเขาโดยบังเอิญ

สายเลือดสิงโตทำให้ทีโมนกลัวซิมบ้าพร้อมเดินหนีทันที แต่ท่าทางเขาขณะที่นอนหลับมันไร้ซึ่งความน่าเกรงขามที่สัตว์เกือบจะทั้งป่ากลัว ทำให้พุมบ้าเกิดความสงสาร อยากดูแลซิมบ้าแทน

ซิมบ้าที่ลืมตาขึ้นมาเจอคนแปลกหน้าก็รู้สึกกลัว กลัวทั้งความผิดที่เขาทำไว้จะถูกเปิดเผย ทำให้เขาไม่กล้าพูดคุย ตัดสินใจเดินหนีไป

“เจ้าจงอย่างเอาปัจจุบันมาทำร้ายอดีต” พุมบ้าปลอบใจซิมบ้า ก่อนจะถูกทีโมนตบหัวเข้าให้เพราะเขาพูดประโยคผิด

“ต้องเป็น ‘เจ้าจงอย่าเอาอดีตมาทำร้ายปัจจุบัน’ ถึงจะถูก” ทีโมนแก้ประโยคให้

มองมุมหนึ่ง ตัวพุมบ้าเองอาจไม่ได้พูดผิด เขาต้องการสื่อความหมายตามที่พูดจริงๆ บางครั้งปัจจุบันที่เราเจอ ก็ทำให้อดีตที่เราเคยมีเปลี่ยนไป เช่นอดีตซิมบ้ารู้สึกว่าเขาเป็นลูกที่พ่อรักเสมอ แต่การกระทำปัจจุบันอาจเปลี่ยนความรู้สึกพวกนั้น เขาไม่ใช่ลูกที่คู่ควรกับความรักของพ่ออีกต่อไป ความทรงจำไม่ใช่สิ่งหวานชื่นเมื่อนึกถึง แต่เป็นเหมือนมีดที่ตอกย้ำว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมีสิ่งนี้ และวันนี้มันหายไปแล้ว

ถ้าไม่มีจุดเปลี่ยนนี้ ซิมบ้าก็อาจดำเนินชีวิตตามรอยคนเป็นพ่อ รับตำแหน่งเจ้าป่าที่ดูแลสิงโตและสัตว์ในปกครอง เพราะรู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไร ทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างไม่เดือดร้อน พร้อมกับอำนาจในมือเต็มเปี่ยม แม้จะยังไม่ถึงวัยเติบใหญ่

แต่ตอนนี้ซิมบ้ากลับต้องใช้ชีวิตหลบซ่อน เขาไม่เหลือความน่าเกรงขามเช่นว่าที่เจ้าป่าควรมี จุดเปลี่ยนนี้คงเลวร้ายมากขึ้น ถ้าไม่มีทีโมนและพุมบ้าที่ยื่นมือมาให้ แม้จะไม่รู้จักหรือต่างสายพันธุ์ก็ตาม

ทีโมนและพุมบ้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำให้ซิมบ้าทุกข์จนต้องหนีคืออะไร แต่สำหรับพวกเขาความกังวลเป็นอารมณ์น่ารำคาญที่ไม่ควรเก็บไว้กับตัวแม้สักวินาที 

“ปล่อยมันไป” ถึงจะถูก 

“ฮาคูน่า มาทาท่า” 2 คนร้องเพลงย้ำประโยคนี้ให้ซิมบ้าฟัง พร้อมกับบอกคำแปลว่า “อย่ากังวลไปเลย”

ความอบอุ่นที่ได้รับ ถึงจะแปลกหน้า ต่างเผ่าพันธุ์ แต่ซิมบ้าเลือกที่จะเดินตามสองคน ทำให้เขากลายเป็น 3 เพื่อนซี้พ่วงด้วยเป็นครอบครัวเดียวกัน 

ซิมบ้าเปลี่ยนตัวเองจากคนที่เคยเดินหน้านำ มีคนคอยก้มหัวให้ เป็น ‘เพื่อน’ คนที่ยอมเดินเคียงข้างและรับฟังคนอื่นๆ

ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าแน่นแฟ้นขนาดไหน แต่เมื่อซิมบ้ารู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อไม่ใช่ความผิดเขา และต้องการกลับไปทวงสิทธิ์ของตัวเอง ทีโมนและพุมบ้าที่ไม่เข้าใจว่าทำไมซิมบ้าต้องอยากกลับไปสู้กับอาเพียงเพื่อจะเอาที่ดินที่ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ไร้สิ่งมีชีวิต

แต่เมื่อเป็นความต้องการของเพื่อนและที่นั่นคือบ้านของซิมบ้า พวกเขาก็ตอบรับทันที 

“ซิมบ้า ถ้ามันสำคัญสำหรับนาย เราก็อยู่สู้ไปด้วยกัน”

ผลลัพธ์ของการต่อสู้อาจเป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง แต่มากไปกว่านั้น คือ การได้ช่วยคนในครอบครัว 

เรื่องราวจบลงด้วยความชื่นมื่น เช่นเดียวกับกับครอบครัวของซิมบ้าที่ขยายใหญ่ขึ้น สมาชิกอาจต่างที่มา ต่ายสายพันธุ์และสายเลือด แต่สิ่งหนึ่งที่มีเหมือนกัน คือ ความรักที่มอบให้กันและกัน นั่นคงเป็นสิ่งที่เชื่อมครอบครัวของซิมบ้าไว้